ข่าวกีฬา ศึก ยูโร 2020 ได้คู่ชิงชนะเลิศเรียบร้อย

– อิตาลี (แชมป์ 1 สมัย : ปี 1968)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ ตุรกี 3-0, ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0, ชนะ เวลส์ 1-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ ออสเตรีย 2-1 (ต่อเวลาพิเศษ)
รอบก่อนรองชนะเลิศ : ชนะ เบลเยียม 2-1
รอบรองชนะเลิศ : ชนะดวลจุดโทษ สเปน 4-2 (เสมอ 1-1 ใน 120 นาที)
โรแบร์โต้ มันชินี่ พาทัพ “อัซซูร์รี่” ผ่านเข้าไปลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่สอง ด้วยฟอร์มการเล่นอันทรงประสิทธิภาพ แถมเปี่ยมไปด้วยความเร้าใจ โดยเดินหน้าคว้าชัยชนะได้ตลอดเส้นทาง มีเพียงแค่ในรอบรองฯ เท่านั้น
ที่ต้องไปตัดสินหาผู้ชนะในการดวลจุดโทษ และพวกเขาก็สามารถผ่าน สเปน มาได้ ถึงแม้รูปเกมโดยรวมตลอด 120 นาที เป็นรอง “กระทิงดุ” ชัดเจนก็ตาม ซึ่งน่าสนใจไม่น้อยว่า “มันโช่” จะพา อิตาลี
คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่สองได้หรือไม่ เพราะการเข้าถึงรอบชิงฯ สองหนก่อนหน้านี้ของพวกเขา จบลงด้วยความผิดหวัง โดยในปี 2000 ต่อเวลาฯ แพ้ ฝรั่งเศส 1-2 ด้วยประตูโกลเด้นโกลของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ นาทีที่ 103 และ ปี 2012 แพ้ สเปน แบบหมดภาพ 0-4
* ดาวซัลโวประจำทีม * : ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเย่, มานูเอล โลคาเตลลี่, มัตเตโอ เปสซิน่า และ เฟเดริโก้ เคียซ่า 2 ประตู
– อังกฤษ
* ดาวซัลโวประจำทีม * : แฮร์รี่ เคน 4 ประตู
สำหรับการลุ้นรางวัลรองเท้าทองคำ ในฐานะดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยอดกองหน้ากัปตันทีมชาติโปรตุเกส มีโอกาสสูงเลยทีเดียว ที่จะคว้ารางวัลไปครอง แม้ทำ 5 ประตูเท่ากับ พาทริค ชิค
ดาวยิงทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ก็ตาม เนื่องจากทัวร์นาเมนต์นี้ โรนัลโด้ มี 1 แอสซิสต์ ด้วย แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะ แฮร์รี่ เคน หัวหอกกัปตันทีมชาติอังกฤษ กระทุ้งไป 4 ตุงแล้ว แถมมีโอกาสยิงเพิ่มในรอบชิงฯ ด้วย และนี่คือชาร์ตดาวซัลโว และแอสซิสต์อันดับต้นๆ ล่าสุด ก่อนถึงเกมรอบชิงดำในวันอาทิตย์นี้
– 5 ประตู : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส), พาทริค ชิค (สาธารณรัฐเช็ก)
– 4 ประตู โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม), คาริม เบนเซม่า (ฝรั่งเศส), เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (สวีเดน), แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ)
– 3 ประตู : แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก (เดนมาร์ก), ราฮีม สเตอร์ลิง (อังกฤษ), จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (เนเธอร์แลนด์), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โปแลนด์), อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน), ฮาริส เซเฟโรวิช (สวิตเซอร์แลนด์), เซอร์ดาน ชากิรี่ (สวิตเซอร์แลนด์)
– 2 ประตู : ธอร์กการ อาซาร์ (เบลเยียม), อีวาน เปริซิช (โครเอเชีย), โยอาคิม เมห์เล่ (เดนมาร์ก), ยุสซุฟ โพลเซ่น (เดนมาร์ก), ไค ฮาแวร์ตซ์ (เยอรมนี), เฟเดริโก้ เคียซ่า (อิตาลี), ชิโร่ อิมโมบิเล่ (อิตาลี), ลอเรนโซ่ อินซินเย่ (อิตาลี), มานูเอล โลคาเตลลี่ (อิตาลี), มัตเตโอ เปสซิน่า (อิตาลี), เมมฟิส เดอปาย (เนเธอร์แลนด์), เดนเซล ดุมฟรายส์ (เนเธอร์แลนด์) ปาโบล ซาราเบีย (สเปน), เฟร์ราน ตอร์เรส (สเปน), โรมัน ยาเรมชุค (ยูเครน), อันเดร ยาร์โมเลนโก้ (ยูเครน)